วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559

วิธีเลี้ยงลูก 5 วิธีหยุดนิสัยขึ้นเสียงใส่ลูก รู้ไว้ก่อนโดนลูกต่อต้าน คุณพ่อคุณแม่ขาวีนทั้งหลายไม่ควรพลาดเลยค่ะ 

           เป็นธรรมดาอยู่แล้วค่ะ ที่พอเวลาคุณลูกทำอะไรไม่ดีหรือไม่ถูกใจ คุณพ่อคุณแม่หลายคนก็ต้องเกิดอารมณ์โมโห จนบางทีกลายเป็นติดนิสัยตะคอกแรง ๆ ใส่ลูกไป บอกเลยนะคะว่าพฤติกรรมอันนี้ไม่ควรทำให้ติดเป็นนิสัยอย่างยิ่ง เพราะขนาดมีคนมาวีนเหวี่ยงหรือพูดจาแรง ๆ ใส่ ผู้ใหญ่เองยังไม่ชอบเลยใช่ไหมล่ะคะ ฉะนั้นก็แน่นอนว่าคุณลูกก็ไม่ชอบ แถมยังเป็นการทำร้ายจิตใจดวงน้อย ๆ อีกต่างหาก เผลอ ๆ ถ้าขืนทำต่อไปละก็ คุณลูกอาจเป็นเด็กก้าวร้าวตามก็ได้ ฉะนั้นถ้าอยากเลิกนิสัยนี้แล้วละก็ ลองมาทำตาม 5 วิธีที่กระปุกดอทคอมนำมาฝากวันนี้กันเลยดีกว่า 


1. หาอะไรทำให้ใจเย็นลง

           เมื่อไรที่ลูกรักทำให้คุณรู้สึกโกรธมาก ให้ลองดึงสติแล้วคิดถึงความตั้งใจที่คุณจะเลิกนิสัยนี้เข้าไว้ จากนั้นก็ลองไปหาอะไรอย่างอื่นทำให้ใจเย็นลง ค่อยกลับมาพูดคุยกับลูกด้วยเหตุผลให้ดี ๆ ลองทำแบบนี้ทุกครั้งที่รู้สึกโมโหลูก ก็จะช่วยลดละเลิกนิสัยนี้ได้ค่ะ

2. เปลี่ยนน้ำเสียงให้เบาลง

           ลองเปลี่ยนจากการที่ชอบใช้น้ำเสียงแข็งกร้าว หรือเสียงดังโวยวายใส่เจ้าตัวเล็ก เป็นการพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงธรรมดานุ่ม ๆ น่าฟังกันดีกว่า บอกเลยแบบนี้ลูกจะเชื่อฟังคุณมากกว่าการขึ้นเสียงใส่เขาอีกนะ เพราะหากพูดด้วยน้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก บอกเลยว่านาน ๆ ไปลูกอาจจะต่อต้านและขัดขืนไม่เชื่อฟังคุณเลยก็เป็นได้ ถึงวันนั้นแล้วก็สายเกินแก้แล้วค่ะ
3. ลดความคาดหวังลง

           หากคุณสังเกตว่า ตัวเองชอบเหวี่ยงวีนขึ้นเสียงใส่ลูกเป็นประจำ นั่นก็อาจจะหมายถึงการที่คุณคาดหวังในตัวลูกมากเกินไปค่ะ ลองลดความคาดหวังลง ทำความเข้าใจลูกให้มากขึ้น รับรองว่านิสัยชอบขึ้นเสียงใส่ลูกจะค่อย ๆ หายไปเองแน่นอน

4. ตั้งสติก่อนพูด

           ก่อนจะใช้คำพูดดุด่าว่ากล่าวลูกทุกครั้ง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ตั้งสติให้ดีก่อน หรืออาจจะท่องในใจว่า เขาคือลูกเรา เขาเป็นแค่เด็ก เพียงเตือนสติตัวเองไว้ไม่ให้ฟิวส์ขาดจนเป็นเรื่อง หากเตือนตัวเองได้ทุกครั้งแบบนี้ รับรองว่าหยุดนิสัยแย่ ๆ นี้ได้แน่นอนค่ะ

5. หากิจกรรมคลายเครียด

           หากคุณพ่อคุณแม่แบกรับความเครียดหลายเรื่อง จนทำให้ขาดสติวีนเหวี่ยงใส่ลูกบ่อยไป บอกเลยว่าควรหาทางคลายเครียดบ้าง เช่น ฟังเพลงสบาย ๆ หรือออกกำลังกายบ้างก็ได้ค่ะ รับรองว่าพอไม่มีความเครียดแล้ว นิสัยพลั้งเผลอตะคอกใส่ลูกก็จะหายไปเอง

           หากเลิกนิสัยไม่ดีนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ นอกจากจะส่งผลดีต่อตัวคุณพ่อคุณแม่เองแล้ว ยังช่วยให้ลูกไม่ติดนิสัยก้าวร้าวเมื่อโตขึ้นอีกต่างหาก ดีอย่างนี้ต้องมาเริ่มฝึกกันแล้วล่ะค่ะ  ^_^

ที่มา  http://baby.kapook.com/เรื่องน่ารู้คุณแม่-152519.html
สถาบันกวดวิชา สร้างปัญญา หรือปัญหาให้การศึกษาไทย


       การศึกษาเป็นรากฐานของการพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาเยาวชนให้เป็นผู้สร้างอนาคตที่สดใสของประเทศ หากแต่วันนี้คงต้องหันกลับมาตั้งคำถามกันใหม่ว่า ระบบการศึกษาไทยนั้น เดินทางถูกทางแล้วหรือไม่? ดังจะเห็นได้จากมีสถาบันกวดวิชาผุดมากขึ้นมากมาย จนกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ว่าถ้าอยากเรียนเก่ง อยากโตขึ้นแล้วประสบความสำเร็จ ต้องพึ่งติวเตอร์กวดวิชาที่สถาบันกวดวิชา ระบบการศึกษาเงา คืออีกหนึ่งคำเปรียบเปรยที่เรียก ค่านิยมการเรียนติวเตอร์ของสังคมในยุคปัจจุบัน ซึ่งปัญหาการศึกษาที่สถาบันกวดวิชานี้ไม่ใช่แค่ปัญหาของการศึกษาไทยเท่านั้น หากแต่กำลังจะเป็นปัญหาใหญ่ของการศึกษาทั่วโลก ที่นักเรียนละเลยการตั้งใจเรียนในชั้นเรียน ขาดการใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา แต่กลับตั้งใจเรียนเพียงเพื่อให้ตัวเองสอบผ่านได้คะแนนดีๆ หรือเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ ได้เท่านั้น
       การที่มีสถาบันกวดวิชาขึ้นเป็นดอกเห็ดเช่นนี้ ยังส่งผลในด้านการสร้างมาตรฐานที่ไม่เท่าเทียมกันในเรื่องของการศึกษา ที่คนที่มีฐานะดีเท่านั้นจึงจะมีโอกาสได้รับการศึกษาดีๆ ซึ่งก่อให้เกิดความกดดัน กลายเป็นค่านิยมติวเตอร์กับสถาบันกวดวิชา เพื่อให้สามารถเรียนได้เก่ง ทำข้อสอบได้คะแนนดีๆ เท่ากับเพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียน การแก้ปัญหานี้อย่างยั่งยืนได้นั้น ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องคงต้องกลับมาทบทวนนโยบายทางการศึกษา และมาตรฐานการเรียนการสอนในชั้นเรียนให้ดียิ่งขึ้น สถาบันกวดวิชาไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย หากพิจารณาในอีกด้าน สถาบันกวดวิชาเหล่านี้ ก็มีส่วนสำคัญในการเพิ่มพูนทักษะ และกระบวนการเรียนรู้ให้กับนักเรียนได้ดียิ่งขึ้น หากแต่ว่าถ้าสถาบันกวดวิชาเหล่านี้ เข้ามามีบทบาทในการสร้างนักเรียนได้ดีกว่าโรงเรียนที่มีหน้าที่หลักในการสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษา บ่มเพาะภูมิปัญญาให้กับเยาวชนให้เป็นอนาคตของชาติก็คงจะดูไม่ดีนัก ดังนั้นต้องรีบปรับเปลี่ยนค่านิยม ด้วยการปรับปรุงการศึกษา เรียกคืนความเชื่อมั่น ก่อนที่จะไม่มีนักเรียนมาเรียนในระบบการศึกษาปกติอีกต่อไป

ที่มา 
http://www.bejame.com/article/2597
ข้อคิดดีๆ ในการทำงาน

 1. แผนการเกษียณอายุเป็นการป้องกันชีวิตตัวเองตกต่ำไม่ให้ตกถึงขีดสุด
       การวางแผนชีวิตตัวเองเรื่องการเกษียณคล้ายๆ กับการทำประกันชีวิต ถ้าวันหนึ่งคุณไม่อยู่ในสภาพที่จะทำงานได้อีกต่อไปคุณจะทำยังไง คุณจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงตัวในวันที่คุณทำงานไม่ได้ คนส่วนใหญ่ทำงานทั้งชีวิต พอตอนเกษียณก็ต้องทนใช้ชีวิตกินอาหารถูกๆเพราะเดี๋ยวเงินหมด แถมเงินเฟ้อก็ยังทำให้ค่าเงินของคุณลดมูลค่าไปราวๆ      2-4% ต่อปี สุดท้ายถ้าคุณเงินหมดในวัยเกษียณ คุณก็ต้องหางานทำหรือไม่ก็ต้องสร้างธุรกิจใหม่อยู่ดี แล้วการเกษียณมันจะต่างอะไรจากตอนที่ไม่เกษียณ
2. ดอกเบี้ยและสภาพร่างกายเปลี่ยนไปได้ตามกาลเวลา
      
การทำอะไรซ้ำๆกันวันละ 8 ชั่วโมงเพื่อล้มพับหรือรอเสพสุขตอนแก่เป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเป็นอย่างยิ่ง เพื่อนๆผมหลายคนหน้าตาเหี่ยวย่นทั้งๆที่อายุยังน้อยเพราะทำงานกองมหึมาและอด นอน งานกับการพักผ่อนเป็นเรื่องสำคัญ แต่ในชีวิตหนึ่งถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นคุณพักผ่อนถึง 1 ใน 10 ของการทำงานหรือเปล่า เราไม่ควรทำงานหนักเพื่อสะสมความสุขยามเกษียณหรอก แถมประสิทธิภาพของคุณก็ขึ้นๆลงๆ คุณควรพักผ่อนและทำงานเฉพาะตอนที่คุณกำลังมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อสร้างผล ออกดอกและมีความสุขยิ่งกว่า
3. ทำน้อยไม่ได้แปลว่าขี้เกียจ
       การทำงานเยอะแต่ส่วนใหญ่เป็นงานที่ไร้คุณภาพเป็นที่ยอมรับมากกว่าคนที่ทำงาน น้อยแต่มีประสิทธิภาพ บางคนเอาคุณภาพงานมาวัดด้วยเวลา ยิ่งนานแสดงว่ายิ่งขยัน การทำน้อยหลายๆครั้งสามารถสร้างผลงานได้มากกว่าการทำเยอะๆด้วยซ้ำ เศรษฐีมิติใหม่แม้จะทำงานในออฟฟิตน้อยกว่า แต่สามารถสร้างคุณค่าได้มากกว่าคนที่ทำงานเยอะ 10 คน เน้นทำตัวให้มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ทำตัวให้ยุ่ง
4. จังหวะที่ดีที่สุดไม่มีในโลก
      
ถ้าคุณอยากทำอะไรก็ลงมือเลย ติดขัดอะไรก็แก้ไขระหว่างทาง อย่ารอให้วันดีๆมาหาคุณโดยที่คุณไม่ได้ทำอะไร โลกไม่ได้กลั่นแกล้งคุณแต่ก็ไม่ได้เอาความสำเร็จใส่พานมาให้คุณด้วย การรอโอกาสและใช้คำว่า ซักวันหนึ่งมันจะทำให้คุณเอาความฝันลงหลุมไปพร้อมกับคุณ


5. ทำไปก่อนค่อยมาขอโทษทีหลัง
       ถ้าคุณลงมือทำตามใจที่คุณอยากทำแล้วไม่มีคนอื่นเดือดร้อน ไม่มีใครที่จะต้องเจ็บตัวจากการตัดสินใจของคุณ ทำไปเลย ไม่ต้องขออนุญาติใคร อย่ารอให้วันเวลาผ่านไปโดยไม่ลงมือทำ อย่าให้ใครมาห้ามคุณได้ คนส่วนใหญ่จะห้ามคุณไม่ให้คุณเร่งเครื่อง ถ้าคุณมั่นใจ คุณก็ไม่ควรหยุด ไว้เครื่องพังเมื่อไหร่ก็ค่อยขอโทษก็ได้
6. เน้นเพิ่มจุดแข็ง ไม่ต้องสนใจจุดอ่อน
      คนส่วนใหญ่เก่งอยู่ไม่กี่ด้าน นอกนั้นห่วยหมด หลายคนเก่งคิดและทำไม่ได้เรื่อง ถ้ามันยุ่งยากนักก็จ้างคนอื่นทำให้แทนเลยสิ การเน้นจุดแข็งมีประโยชน์มากกว่าอุดรูรั่ว เน้นใช้อาวุธไม้ตายดีกว่าทำอะไรที่ไม่ถนัดครึ่งๆกลางๆ
7. อะไรที่มากเกินไปมักกลายเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม
       ของดีๆ ถ้ามีมากเกินไปก็จะไม่ดี โดยเฉพาะเรื่องของวัตถุกับเวลา เยอะไป มากไป หรือบ่อยไปก็ไม่ดี เพราะมันจะกลายเป็นพิษร้ายสำหรับคุณ บางคนทำงานหนักเพื่อซื้อสิ่งที่มันไม่จำเป็นต่อชีวิตเขา เป็นหนี้หัวโต กลายเป็นชีวิตต้องทำงานเพื่อวัตถุ เครียดว่าจะหาเงินมาผ่อนเดือนชนเดือนทันหรือเปล่า
8. เงินเพียงอย่างเดียวไม่ใช่ทางออก
       คำว่า ถ้ามีเงินเยอะกว่านี้เป็นคำพูดของคนที่ชอบผลัดผ่อน เป็นการเลื่อนการตัดสินใจทำสิ่งสำคัญๆต่อชีวิตไปในภายภาคหน้า หลายๆเรื่องมันเป็นเรื่องที่ต้องลงมือทำเดี๋ยวนี้ แต่การใช้คำนี้ทำให้เหตุผลที่จะไม่ลงมือทำดูสวยงามทันที การพยายามทำอะไรซ้ำไปซ้ำมา ทำชีวิตให้ยุ่งเข้าไว้แล้วโกหกตัวเองว่าทั้งหมดทำเพื่ออนาคตเป็นเรื่องที่ ไม่เข้าท่า เป็นภาพลวงตา หลอกตัวเองสิ้นดี มันเป็นเกมส์ที่ทำให้เราไม่ต้องคิดเรื่องยากๆ ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่เรื่องเงิน แต่อยู่ที่คุณ
9. คิดถึงรายได้ที่เพียงพอทำให้คุณบรรลุเป้าหมาย
      
เศรษฐีมิติใหม่ไม่ได้สนใจเงินก้อนโต แต่เขาสนใจรายได้ที่จะทำให้เขาบรรลุเป้าหมายด้วยเวลาทำงานที่น้อยที่สุด และที่สำคัญเขาสนใจคุณภาพของรายได้มากกว่าปริมาณ อย่างเช่นนาย ก ทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน ได้เงิน 50,000 ต่อเดือน กับนาย ข ได้เงิน 25,000 ต่อเดือน แต่ทำงานวันละชั่วโมง กรณีอย่างนี้ถือว่านาย ข รวยกว่า เพราะถ้าเอาเวลาที่ใช้ไปมาหารกับรายได้น้อยกว่า นาย ข จะมีเวลาทำเงินและทำอย่างอื่นเพื่อบรรลุเป้าหมายตัวเองด้วย
10 ความเครียดคือยาเสริมและยาพิษ
      
คนที่หลีกหนีคำตำหนิทั้งหมดจะเป็นคนที่ไม่มีวันประสบความสำเร็จในชีวิต หลายๆครั้งถ้าไม่มีแรงกดดันชีวิตก็ไม่ก้าวหน้า ยิ่งเราสามารถสร้างความเครียดที่ดีเพื่อส่งเสริมชีวิตตัวเองได้มากเท่าไหร่ เรายิ่งมีโอกาสที่ชีวิตจะเติบโตและไปถึงฝั่งฝันได้มากขึ้นเท่านั้น อย่าพยายามหนีความเครียดด้วยการไม่ทำอะไรเลย ถ้าคุณแยกความเครียดที่ดีและเอามาใช้ประโยชน์ได้ ชีวิตคุณจะก้าวไปข้างหน้าเยอะเลย

ที่มา  http://www.bejame.com/article/2761


ประโยชน์ขององุ่นนานาพันธุ์

       องุ่น มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ Vitis vinifera Linn นับว่าเป็นผลไม้ยอดนิยมสำหรับใครหลายๆ คนเลยทีเดียว โดยเฉพาะเสน่ห์ของรสชาติที่มาพร้อมกับความเปรี้ยวอมหวานที่โดนใจเป็นอย่างยิ่ง และนอกจากในรูปแบบการบริโภคเนื้อองุ่นแล้ว ใบองุ่นก็ยังนิยมนำมาสกัดและเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางอย่างหลากหลาย ร่วมถึงผลิตภันฑ์บำรุงผิวต่างๆ
       ในองุ่นมีสารอาหารมากมายที่ร่างกายต้องการ และมีส่วนในการสร้างภูมิคุ้มกันรักษาป้องกันโรคต่างๆ ได้อย่างมากมาย อาทิช่วยให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อการจับตัวของก้อนเลือด และลดโคเลสเตอรอลชนิดแอลดีแอล (ไขมันไม่ดี) เหตุนี้จึงช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบเลือดและหัวใจได้ดีเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยลดริ้วรอยและทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นมากขึ้น อีกด้วย ทั้งนี้องุ่นที่เราพบเห็นและผู้คนนิยมบริโภคกันทั่วไป จะแบ่งเป็น
3 ชนิดใหญ่ ได้แก่ 1). องุ่นแดง  2).องุ่นดำ  3). องุ่นเขียว    โดยในองุ่นจะประกอบด้วยสารอาหารหลักๆ คือ ฟรุกโตส กาแลกโตส กลูโคส ซึ่งเหล่านี้เป็นน้ำตาลที่ร่างกายต้องการใช้เพื่อสร้างพลังงาน เพื่อช่วยเร่งการเผาผลาญในร่างกาย และกระตุ้นให้ตับทำหน้าที่ฟอกเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้องุ่นยังอุดมไปด้วยวิตามิน  B1, B2, A, C และเกรือแร่ เราจึงเห็นเครื่องดื่มบำรุงกำลังบางชนิด นำองุ่นมาเป็นส่วนผสมร่วม เพราะร่างกายของเราสามารถดูดซึมน้ำตาลจากองุ่นได้ง่ายนั่นเอง
       จากการ วิจัยของนักวิทยาศาสตร์ เมืองนิวยอร์ก ประเทศอเมริกา พบว่า ในองุ่นมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า
Polyphenols ซึ่งส่วนใหญ่เราจะสามารถบริโภคได้ในรูปของน้ำองุ่นหรือไวน์แดง สาร Polyphenols นี้มีส่วนช่วยให้คนเรา มีอายุสมองที่ยาวนานและแข็งแรงขึ้น ทำให้สามารถทำงานและจดจำสิ่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดีถึงแม้จะอายุมากแล้วก็ตาม การบริโภคองุ่นทุกวันจึงมีส่วนทำให้สมองปลอดโปร่ง และรู้สึกสดชื่นขึ้นได้
ประโยชน์สรรพคุณขององุ่นดำ
      
องุ่นดำ เป็นองุ่นที่มีกระแสมาแรงในช่วงนี้ ผู้ที่มีความต้องการที่จะลดพุง หรือลดไขมันส่วนเกินในร่างกาย องุ่นดำสมารถช่วยได้ ทั้งนี้เพราะองุ่นดำเป็นผลไม้ ที่มีไฟเบอร์สูงช่วยในเรื่องการเผาพลานไขมันได้ดี และช่วยลดความอยากรับประทานอาหารได้เนื่องจากมีใยอาหารสูง ความหวานในองุ่นดำ เป็นความหวานที่ได้จากฟรุกโตส ซึ่งเป็นน้ำตาลผลไม้ที่ให้พลังงานสูง ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนไปอยู่ในรูปแบบของคาร์โบไฮเดรต อีกทั้งองุ่นเป็นผลไม้ที่ไม่มีไขมัน ดังนั้นผู้ที่ชื่นชอบความหวาน การบริโภคองุ่นจึงทิ้งความกังวลเรื่องความอ้วนไปได้เลย นอกจากนี้ในองุ่นดำยัง มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ (
Antioxidant) ช่วยขับล้างสารพิษในลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ปกติ ปัจจุบันองุ่นดำยังนับว่ามีราคาสูงเมื่อเทียบกับองุ่นชนิดอื่นๆประโยชน์สรรพคุณขององุ่นเขียว
      
องุ่นเขียว นับเป็นองุ่นที่หาบริโภคได้ง่ายที่สุด ช่วยลดภาวะเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็ง และมีประโยชน์อย่างมากกับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง ในองุ่นเขียวนอกจากจะมีสารอาหารหลักที่ร่างกายต้องการมากมาย อาทิเช่น วิตามิน
A, C, B1, B2 แล้ว ยังมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์(antioxidant) ที่ประกอบด้วย คาเตชิน (Catechin) และเทอร์ซอทิลบีน (Ptersotilbene) มีสรรพคุณช่วยยับยั่งการเจริญของสาร oxident ที่เป็นสารก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ อันเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็งชนิดต่างๆ อาทิ มะเร็งในลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และโรคมะเร็งอีกหลายชนิดที่มีสาเหตุมาจากอนุมูลอิสระในร่างกาย ทั้งนี้องุ่นเขียวยังช่วยในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิวทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งขึ้นได้
ประโยชน์สรรพคุณขององุ่นแดง
      
องุ่นแดง ประกอบด้วยสารอาหารป้องกันโรคและช่วยเสริมสร้างความงามให้กับผิวพรรณ นั่นเพราะต้องอาศัยความพิถีพิถันเป็นอย่างมากในการปลูก จึงทำให้องุ่นแดงมีราคาแพงมากที่สุดในเหล่าบรรดาองุ่นชนิดอื่น องุ่นแดงอุดมไปด้วยวิตามิน
A,B1, B2 เกลือแร่ ธาตุเหล็ก น้ำตาลฟรุกโตส กาแลกโตส ซูโครส ที่ร่างกายสามรถดูดซึมได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้น้ำตาลเปลี่ยนมาอยู่ในรูปของคาร์โบไฮเดรต เหตุนี้จึงทำให้ผู้บริโภคหายกังวลเรื่องความอ้วนไปได้เลย องุ่นแดงมีสรรพคุณในการป้องกันโรคต่างๆ ได้อย่างมากมาย ในองุ่นแดงมีสารสำคัญอย่าง ฟลาโวนอยด์ (flavonoid) เป็นสารที่มีส่วนในการยับยั้งและต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ได้เช่นเดียวกับองุ่นชนิดอื่นๆ และสารแอนโธไซยานิน ที่ช่วยซ่อมแซมส่วนประสาท ช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้โลหิตหมุนเวียนได้ดีขึ้น จึงช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง อมชมพูดูเป็นธรรมชาติ และในการรับประทานองุ่นแดง ยังช่วยลดคอเลสเตอรอล (Cholesterol)  จึงมีส่วนช่วยลดภาวะการเกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย
ประโยชน์ขององุ่นที่มีต่อผิวพรรณ
      
ปัจจุบันนิยมนำเอาเมล็ดองุ่นมาสกัด แล้วนำสารที่สกัดที่ได้มาเป็นส่วนผสมสำคัญในผลิตภันฑ์อาหารเสริม หรือเครื่องสำอางประเภทต่างๆ เป็นอย่างมาก เพราะสารสกัดจากเมล็ดองุ่น มีวิตมินซีสูงกว่า ผลมะนาว ถึง20เท่า เหตุนี้ผู้คนจึงหันมานิยมผลิตภันฑ์เสริมความงาม ที่มีส่วนผสมของเมล็ดองุ่นกันเป็นอย่างมาก ในเมล็ดองุ่นจะมีสารจำพวก Oligoneric Proantho Cuanidin(OPC) ซึ่งมีปะโยชน์ช่วยสร้างคอลาเจนธรรมชาติให้กับผิวพรรณ ทำให้หน้าดูเต่งตึงอ่อนวัยป้องกันริ้วรอย ฝ้ากระ ตีนกา รอยเหี่ยวย่นบนผิวหนัง ด้าวยความที่องุ่นมีวิตามินที่สูง ดังนั้นนักจากช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงแล้ว ยังช่วยให้ผิวพรรณ สวยใสแลดูอ่อนเยาว์ตลอดเวลา

ที่มา  http://www.ihealthyplusshop.com/article/11/ประโยชน์ขององุ่นนานาพันธุ์

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ความประทับใจของฉัน

ความประทับใจบองฉันคือการที่ได้อยู่กับมิตรที่ดี คนรักที่ดี สิ่งแวดล้อมที่ดี